เลือกเก้าอี้ให้ถูกใจ นั่งทำงานสบายไม่ปวดหลัง
ในแต่ละวันเราต้องนั่งทำงานวันละหลายชั่วโมง โดยเฉพาะเหล่าพนักงานออฟฟิศ พอนั่งบนเก้าอี้เป็นเวลานาน ๆ จะเริ่มรู้สึกปวดเมื่อยตามตัว หลัง คอ ไหล่ ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถทำให้เกิดโรคที่เรียกว่า ออฟฟิศซินโดรม ตามมาได้ ดังนั้นการเลือกเก้าอี้เพื่อใช้นั่งทำงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ของเราจึงมีความสำคัญมาก ซึ่งอาจต้องเลือกให้ถูกกับสรีระร่างกายของแต่ละคน ในบทความนี้ BnB home มีทิปส์ในการเลือกเก้าอี้นั่งทำงานอย่างไรให้นั่งทำงานสบายและดีต่อสุขภาพ มาฝากกันครับ
ขนาดของเก้าอี้ และพนักพิง
การเลือกขนาดเก้าอี้ให้พอเหมาะ นอกจากจะเลือกให้เหมาะกับพื้นที่การทำงานของเราแล้ว ยังต้องเลือกให้เหมาะกับสรีระของเราด้วย โดยแนะนำให้ไปลองสัมผัสหรือนั่งด้วยตัวเอง เช่น
• ให้ลองนั่งสุดเบาะชิดกับพนักพิง เพื่อดูว่าเบาะกว้างไปหรือเปล่า ถ้ากว้างไปก็จะวางแขนไม่ได้ในระยะที่พอดี หากใช้งานไปสักพักก็จะเมื่อยตามบ่าและแขนได้ หรือถ้าเก้าอี้มีขนาดเล็กกว่าตัวเราอาจทำให้รู้สึกนั่งแล้วอึดอัดไม่สบายตัวได้
• ควรเลือกเก้าอี้ที่มีพนักพิงและความลาดที่พอเหมาะ พนักพิงที่ดีควรมีลักษณะเอนไปด้านหลังเพียงเล็กน้อย ซึ่งเบาะรองนั่งกับพนักพิงควรอยู่ที่ประมาณ 110 องศา และพนักพิงที่ดีนั้นควรมีความสูงระดับไหล่ของเราขึ้นไป
การปรับความสูงของเก้าอี้
แนะนำให้เลือกใช้เก้าอี้ทำงานที่มีฟังก์ชันในการปรับความสูงได้ เพราะโต๊ะทำงานบางตัวความสูงต่ำไม่เท่ากัน เก้าอี้บางตัวมีความสูงเกินไป จะทำให้เราต้องโน้มตัวลงมาค้ำกับโต๊ะ เมื่อนั่งไปนาน ๆ ก็จะทำให้เกิดอาการปวดหลังหรือคอบ่าไหล่ได้
ที่วางแขนสำหรับเก้าอี้
หลายคนเข้าใจว่าที่วางแขนไม่ได้มีความสำคัญเท่าที่ควร แต่จริง ๆ แล้วการที่นั่งเก้าอี้ แล้วศอกของเราไม่พอดีกับความสูงของโต๊ะทำงาน จะส่งผลให้ตั้งแต่ช่วงบ่าถึงแขนเกิดอาการเกร็ง แล้วจะเกิดอาการปวดได้ในภายหลัง ซึ่งวิธีแก้ไขนอกจากจะเลือกเก้าอี้ที่ปรับความสูงได้แล้ว การเลือกเก้าอี้ที่มีที่วางแขนไว้ ก็จะช่วยให้เราสามารถวางแขนพักได้ นอกจากนั้นในปัจจุบันนี้เก้าอี้ทำงานหรือเก้าอี้สำนักงานมีรุ่นที่สามารถปรับความสูงต่ำของที่วางแขนได้ เพื่อช่วยให้สบายเวลานั่งมากยิ่งขึ้น
ความลึกของเบาะเก้าอี้
การดูความลึกของเบาะให้ดูโดยการทดลองนั่ง แล้วระยะพับของเข่าระหว่างช่วงสะโพกถึงหัวเข่าว่าพอดีไหม โดยเก้าอี้บางรุ่นสามารถปรับความลึกของเบาะได้ เพราะถ้าเกิดนั่งติดกับพนักพิงแล้วขาไม่ตั้งฉากจะทำให้เกิดอาการปวดขาได้ หรือถ้านั่งแบบขาตั้งฉากแล้ว แต่สะโพกของเราไม่ได้ชิดกับพนักพิง ก็จะทำให้หลังแอ่นส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังตามมาได้เช่นกัน
วัสดุของเก้าอี้
สำหรับวัสดุที่ใช้หุ้มเก้าอี้สำนักงาน มีอยู่ 3 ประเภท คือผ้า หนัง และตาข่าย
• เก้าอี้ทำงานแบบผ้า
ข้อดีคือให้ความรู้สึกนุ่มสบาย ระบายอากาศได้ดี เหมาะกับคนที่เหงื่อออกง่าย แต่ในขณะเดียวกันจะมีความหนากว่าแบบตาข่าย ทำให้ลมไม่สามารถพัดผ่านได้ ข้อเสียคือเบาะจะมีความชื้นได้ง่ายทำให้เกิดกลิ่นอับได้ในภายหลัง
• เก้าอี้ทำงานแบบตาข่าย
เก้าอี้ที่มีพนักพิงเป็นตาข่ายจะมีข้อดีคือ อากาศถ่ายเทได้มากกว่าแบบอื่น ช่วยลดกลิ่นอับชื้นและกลิ่นเหงื่อได้ดี แต่ตาข่ายของเก้าอี้แต่ละรุ่นจะไม่เหมือนกัน มีทั้งความยืดหยุ่นน้อยและมาก ซึ่งขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน แนะนำให้ลองไปนั่งด้วยตัวเองจะดีที่สุด
• เก้าอี้ทำงานแบบหนัง
ไม่ว่าจะเป็นหนังแท้หรือหนังเทียม ก็สามารถทำความสะอาดคราบต่าง ๆ ได้ง่าย อีกทั้งดีไซน์ก็ออกมาหรูหรากว่าแบบอื่น ๆ ส่วนข้อเสียของวัสดุประเภทนี้คือ อาจไม่เหมาะกับห้องที่มีความร้อนสูง เพราะหนังระบายอากาศได้ไม่ดีเท่ากับแบบผ้า และไม่ดูดซับความชื้น
คำแนะนำในการนั่งทำงานที่ช่วยลดปัญหาด้านสุขภาพ
• ควรปรับระดับหน้าจอของคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตา โดยที่จอภาพจะต้องห่างจากสายตาประมาณ 12 - 18 นิ้ว และแป้นพิมพ์ก็ควรวางอยู่ในระดับเดียวกับข้อศอก และข้อมือในลักษณะ 90 องศาจะได้ไม่เกิดการเกร็งที่หัวไหล่
• นั่งหลังตรงและนั่งให้เต็มก้น การที่เราไม่ได้นั่งให้หลังติดกับพนักพิงก็จะทำให้หลังค่อม หรือไหล่ห่อโดยที่ไม่รู้ตัว ให้ปรับโดยนั่งติดกับพนักพิง จะช่วยในเรื่องของการจัดระเบียบหลัง ทำให้หลังของเราตรงโดยอัตโนมัติ
• ไม่ควรนั่งเบาะที่นุ่มหรือเป็นแอ่งมากจนเกินไป จะส่งผลให้กระดูกเชิงกรานบิดงอได้
ขอบคุณภาพจาก : pinterest.com
>> ช้อปเก้าอี้สำนักงาน ได้ที่หน้าร้าน และหน้าเว็บ คลิก
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ