อยากมีเครื่องชงกาแฟที่บ้าน เลือกแบบไหนดี
ในปัจจุบันการดื่มกาแฟคงเป็นเรื่องปกติสำหรับคนทั่วไป โดยเฉพาะวัยทำงาน วันไหนที่ไม่ได้ดื่มกาแฟสักแก้ว เรียกได้ว่าคงไม่มีแรงเดิน แต่ในบางสถานการณ์ก็หาร้านกาแฟที่ถูกใจไม่ได้ หรือการซื้อกาแฟจากร้านมาดื่มทุกวัน บางคนก็ถือเป็นเรื่องสิ้นเปลือง หลายคนจึงมองหาเครื่องชงกาแฟที่สามารถชงกาแฟอร่อยถูกใจตัวเองได้ที่บ้านหรือที่ทำงาน มาดูกันว่าเครื่องชงกาแฟที่นิยมใช้สำหรับครัวเรือนมีประเภทไหนบ้าง แล้วเลือกแบบไหนดีที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตัวคุณเอง
เครื่องชงกาแฟที่นิยมใช้สำหรับชงที่บ้านแบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1. เครื่องชงกาแฟแคปซูล (Capsule)
เครื่องชงกาแฟสดแบบแคปซูล เป็นหนึ่งเครื่องที่หลายคนเลือกใช้ เนื่องจากมีความสะดวกและรวดเร็ว อีกทั้งในปัจจุบันแคปซูลที่บรรจุเมล็ดกาแฟก็มีให้เลือกหลากหลาย ซึ่งเมล็ดกาแฟที่ถูกบดและบรรจุลงในแคปซูลนี้ จะคงความสดใหม่ไว้ได้นาน สำหรับวิธีชงก็เพียงแค่นำแคปซูลไปใส่ในเครื่องชง จากนั้นเครื่องจะเจาะแคปซูลและส่งแรงดันน้ำร้อนไหลผ่านแคปซูลแต่ละรสชาติ ซึ่งมีกาแฟให้เลือกจากหลายแหล่งผลิตและหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะมอคค่า, ลาเต้, คาราเมลมัคคิอาโต้ เป็นต้น เพียงเท่านี้ก็สามารถดื่มกาแฟได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว
เหมาะกับใคร
ถึงแม้กลิ่นและรสชาติของกาแฟแคปซูลจะหอมและสดใหม่ไม่เท่ากาแฟคั่วบดเอง แต่จะมีความสะดวกและรวดเร็วในการชงมากกว่า เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการใช้เวลาชงนาน หรือเร่งรีบในเวลาเช้า รวมถึงผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายแบบไม่ต้องการปรับแต่งอะไรมาก แต่ก็ยังอยากกินกาแฟสด หอม ๆ อยู่
ข้อดี
• ใช้งานง่าย สะดวกและรวดเร็ว เพียงเลือกเมนูในแคปซูลและกดปุ่ม
• ตัวเครื่องราคาไม่แพง มีราคาตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท
ข้อด้อย
• แคปซูลกาแฟมีราคาค่อนข้างแพง เฉลี่ยที่ 15 - 40 บาทต่อแคปซูล
• รสชาติกาแฟอาจไม่อร่อยเข้มเท่ากับการบดเมล็ดกาแฟใหม่ ๆ
• สำหรับแคปซูลเมนูกาแฟนมจะใช้วัตถุดิบทดแทนนม เช่น นมผงเทียม
2. เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ (Espresso Machine)
คำว่า เอสเพรสโซ จริง ๆ แล้วเป็นชื่อของกระบวนการสกัดกาแฟ ซึ่งเครื่อง Espresso Machine จะใช้แรงดันไอน้ำร้อน ๆ อัดผ่านเมล็ดกาแฟคั่วบดละเอียด ออกมาเป็นช็อตกาแฟเข้มข้น ที่เรียกว่าเมนู เอสเพรสโซ
เครื่องชงกาแฟรูปแบบนี้เรียกได้ว่าเป็นระบบการทำกาแฟที่มีอุปกรณ์เยอะมากที่สุด เพราะนอกจากเครื่องชงกาแฟแล้ว ยังต้องใช้อุปกรณ์อีกเครื่องที่เรียกว่า เครื่องบดเมล็ดกาแฟ (Grinder) ซึ่งกว่าจะได้กาแฟสักแก้ว จะมีวิธีการทำที่ค่อนข้างยุ่งยาก แต่ก็จะได้กาแฟที่อร่อยและมีรสชาติตรงตามที่เราต้องการ เพราะเราจะเป็นคนกำหนดทั้งปริมาณกาแฟ ระดับการไหลของกาแฟ ระดับความละเอียดของการบดเมล็ดกาแฟ และน้ำหนักการอัดผงกาแฟเองได้
เหมาะกับใคร
เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงลึกไปในรสชาติของกาแฟ อย่างเช่น ร้านกาแฟ ร้านอาหารต่าง ๆ แต่หากเป็นการใช้ในครัวเรือน ใครที่ต้องการความเข้มข้น และกำหนดการชงเมนูกาแฟได้อย่างหลากหลาย ก็จะมีเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซขนาดย่อมลงมาให้เลือกใช้ได้ เพราะช็อตกาแฟเข้มข้นที่ได้มา สามารถนำไปผสมกับนม น้ำเปล่า หรือน้ำผลไม้ กลายเป็นเมนูอื่นต่อไปได้
ข้อดี
• สามารถสร้างสรรค์เมนูกาแฟได้หลากหลาย ได้กาแฟอย่างที่ตรงใจมากที่สุด เพราะนอกจากการเลือกเครื่องชงกาแฟแล้ว ยังได้เลือกเมล็ดกาแฟจากแหล่งต่าง ๆ ได้ทั่วโลก อีกทั้งส่วนใหญ่เครื่องชงกาแฟจะมีเครื่องตีฟองนมมาให้ในตัว
• รสชาติกาแฟที่ได้เป็นกาแฟสดอย่างแท้จริง ราคาต่อแก้วประหยัดอีกด้วย
ข้อด้อย
• ราคาเครื่องมีหลากหลายตั้งแต่หลักพันจนถึงหลายแสนบาท ถ้าเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพดีจะมีราคาที่สูงมาก
• อุปกรณ์เยอะ ใช้เวลาในการชงเยอะ และมีขั้นตอนการชงยุ่งยากกว่าแบบอื่น ๆ
• มีขั้นตอนการทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟหลังใช้งาน เพราะหากทำความสะอาดไม่ดี อาจมีผลต่อรสชาติและคุณภาพกาแฟต่อไปได้
• ต้องเรียนรู้วิธีการชงถึงจะทำกาแฟออกมาได้อร่อย
3. เครื่องชงกาแฟแบบหยดหรือแบบดริปไฟฟ้า (Drip Coffee Maker)
เครื่องชงกาแฟหยดหรือกาต้มกาแฟไฟฟ้า เป็นเครื่องชงกาแฟสดอีกแบบที่ทำดื่มที่บ้านเองง่ายและไม่ซับซ้อน เพียงแค่ใส่ผงกาแฟและเติมน้ำไว้ น้ำที่เดือดก็จะไหลผ่านผงกาแฟ จากนั้นน้ำกาแฟก็จะหยดลงในกาต้ม เพียงเท่านี้ก็รอดื่มกาแฟหอม ๆ ได้แล้ว ซึ่งการต้มหนึ่งครั้งจะได้กาแฟมากถึง 4 - 6 แก้ว
เหมาะกับใคร
เครื่องชงกาแฟแบบนี้ เหมาะกับใช้เป็นเครื่องชงกาแฟที่บ้าน และสำนักงานอย่างมาก เพราะง่ายสะดวกและมีขนาดกระทัดรัด อีกทั้งราคาไม่แพง แต่รสชาติของกาแฟจากเครื่องต้มกาแฟนี้จะคล้ายกาแฟที่ได้จากการดริป ซึ่งจะไม่เข้มข้นมาก เหมาะกับคนที่ไม่ชอบกาแฟเข้ม ๆ
ข้อดี
• ราคาไม่แพง ได้กาแฟดื่มหลายแก้วในการชงครั้งเดียว
• ขนาดกระทัดรัด
• การชงสะดวกไม่ยุ่งยาก
ข้อด้อย
• รสชาติกาแฟที่ได้จะไม่เข้มข้น เหมาะกับการดื่มเป็นกาแฟดำ
4. เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ (Fully Automatic Coffee Machine)
หลักการทำงานของเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ คือการรวมการทำงานของเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซมาเป็นระบบอัตโนมัติ โดยเราไม่ต้องบดกาแฟเอง ไม่ต้องเติมส่วนผสมเอง และยังสามารถเลือกเมล็ดกาแฟที่ต้องการได้ ซึ่งต่างจากเครื่องระบบแคปซูลที่มีให้เลือกจำกัด เราเพียงตั้งค่าหรือเลือกเมนูที่ต้องการ กดแค่ปุ่มเดียว ตัวเครื่องก็จะเริ่มทำการบดเมล็ดกาแฟ กลั่นกาแฟ รวมถึงเติมส่วนผสม เช่น นม ให้เรียบร้อย รสชาติที่ได้ก็จะมีคุณภาพและความเสถียรในทุก ๆ แก้ว
เหมาะกับใคร
เครื่องชงกาแฟอัตโนมัตินี้ เหมาะกับใช้เป็นเครื่องชงกาแฟที่บ้าน และสำนักงาน อีกทั้งยังเหมาะกับคนที่รักกาแฟสดรสชาติอร่อย และไม่ชอบความยุ่งยาก เพราะกดเพียงปุ่มเดียว ก็สามารถทำได้ทุกเมนูคลาสสิค แต่เครื่องชงกาแฟชนิดนี้ ก็จะมาพร้อมกับราคาที่สูงกว่าเครื่องชงกาแฟแบบอื่น ๆ
ข้อดี
• ใช้งานง่าย สามารถเลือกเมล็ดกาแฟที่ชอบได้ และไม่จำเป็นต้องมีเครื่องบดกาแฟ
• ส่วนใหญ่ตัวเครื่องจะมีฟังก์ชั่นการทำความสะอาดตัวเองอัตโนมัติ
• ราคาต่อแก้วถูกกว่าแบบแคปซูล
• กดแค่ปุ่มเดียวก็สามารถทำกาแฟออกมาได้หลากหลายเมนู
ข้อเสีย
• ตัวเครื่องมีราคาสูง ซึ่งราคามีแตกต่างกันออกไปตั้งหลักหมื่นถึงหลักแสน
• จำนวนการทำต่อวัน น้อยกว่าเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้หลายคนที่กำลังมองหาความสะดวกในการดื่มกาแฟ สามารถตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟไว้ที่บ้านได้ง่ายมากขึ้นนะครับ
ขอบคุณภาพจาก : pinterest.com, KRUPS, MINIMEX
>> ช้อปเครื่องชงกาแฟ ได้ที่หน้าร้าน และหน้าเว็บ คลิก
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ