กระเบื้อง 6 ชนิด ใช้งานต่างกันอย่างไร
กระเบื้องมีหลากหลายชนิด ซึ่งรวมเรียกว่ากระเบื้องเซรามิก มีทั้งแบบที่เคลือบและไม่เคลือบ มีขนาดที่หลากหลาย และมีโทนสีสไตล์ต่าง ๆ ให้เลือกใช้มากมาย อีกทั้งยังแบ่งออกเป็นกระเบื้องสำหรับปูพื้น และกระเบื้องสำหรับบุผนังอีกด้วย ซึ่งกระเบื้องเซรามิกแบ่งออกได้อีก 6 ชนิด คือ กระเบื้องปูพื้น กระเบื้องบุผนัง กระเบื้องโมเสค กระเบื้องเกลซพอร์ซเลน กระเบื้องแกรนิต และกระเบื้องแก้ว ซึ่งกระเบื้องแต่ละชนิดมีกรรมวิธีการผลิต คุณสมบัติ และการใช้งานที่แตกต่างกันไป ในบทความนี้ BnB home จึงนำข้อมูลความแตกต่างของกระเบื้องแต่ละชนิด และการใช้งานที่ต่างกันมาฝากกัน เพื่อคุณจะได้เลือกซื้อและเลือกใช้งานกระเบื้องกันได้อย่างเหมาะสม
1. กระเบื้องปูพื้น (Floor tile)
เป็นกระเบื้องที่มีค่าการดูดซึมน้ำต่ำ - ปานกลาง อยู่ที่ 3 – 6% มีความแข็งแรงปานกลาง มีทั้งเคลือบแบบผิวมันและผิวด้าน เหมาะสำหรับปูพื้นทั่วไปทั้งภายใน และภายนอก
2. กระเบื้องบุผนัง (Wall tile)
เป็นกระเบื้องที่มีค่าการดูดซึมน้ำสูง อยู่ที่ 15 – 22% แข็งแรงไม่สูงมาก ส่วนใหญ่จะเคลือบแบบผิวมัน และมีการเคลือบสี เหมาะสำหรับบุผนังภายในเท่านั้น ไม่ควรนำไปปูพื้น เพราะการออกแบบในการรับน้ำหนักมีความต่างกัน รวมถึงผิวกระเบื้องมีความมัน หากใช้ผิดประเภทกระเบื้องอาจเกิดความเสียหาย เพราะรับน้ำหนักมากเกินไป หรือหากกระเบื้องเปียกน้ำจะทำให้พื้นลื่น เป็นอันตรายกับคนในบ้านได้
3. กระเบื้องโมเสค (Mosaic tile)
เป็นกระเบื้องที่มีค่าการดูดซึมน้ำต่ำมาก น้อยกว่า 1% มีขนาดเล็กไม่เกิน 4x4 นิ้ว มีลักษณะเป็นแก้วใส มันวาว มีความแข็งแรง ทนทาน และสีไม่ตก เหมาะสำหรับใช้ในการตกแต่ง ส่วนใหญ่นิยมนำมาปูพื้นสระว่ายน้ำ หรือตกแต่งลวดลายบริเวณขอบ มุมห้อง พื้น ผนังห้องน้ำ ห้องครัว และพื้นที่ที่มีขนาดเล็กหรือโค้งมน ไม่นิยมนำมาปูเป็นพื้นบ้านเพราะกระเบื้องมีขนาดเล็ก ต้องใช้จำนวนมากถึงจะปูได้เต็มพื้น
4. กระเบื้องเกลซพอร์ซเลน (Glazed Porcelain tile)
เป็นกระเบื้องที่มีค่าการดูดซึมน้ำต่ำมาก น้อยกว่า 0.5% มีความแข็งแรง สามารถรับแรงได้มาก ทนทานต่อรอยขีดข่วน เหมาะสำหรับปูพื้นทั้งภายในและภายนอก หรือในพื้นที่ที่มีผู้คนเดินผ่านบ่อย ๆ เช่น บริเวณทางเดิน พื้นหน้าบ้าน เป็นต้น
5. กระเบื้องแกรนิตโต้ (Granito tile)
เป็นกระเบื้องที่มีค่าการดูดซึมน้ำต่ำมาก น้อยกว่า 0.5% ไม่มีการเคลือบสี แข็งแรงเทียบเท่ากับหินแกรนิต ถือได้ว่าแข็งแกร่งกว่ากระเบื้องเซรามิคชนิดอื่น ๆ เลย สามารถรับแรงกระแทกได้ดี ทนต่อรอยขีดข่วน จึงเหมาะกับพื้นที่ที่มีผู้คนเดินไปมาบ่อย ปูได้ทั้งพื้นภายในและภายนอก
6. กระเบื้องแก้ว (Glass tile)
เป็นกระเบื้องที่ไม่มีค่าการดูดซึมน้ำเลย กระเบื้องมีความมันวาว เนื้อโปร่งแสง มีลักษณะแข็งแต่เปราะ จะมีทั้งแบบแผ่นและแบบโมเสค กรรมวิธีการทำกระเบื้องแก้ว ทำโดยขึ้นรูปจากชิ้นแก้วมารวมกันเป็นแผ่นกระเบื้อง ภายในตกแต่งด้วยลวดลายที่สวยงามเช่น ลวดลายพิมพ์ หรือตกแต่งสีสันลวดลายภายใน ทำให้ลวดลายภายในอยู่ทนทานกว่าลายพิมพ์บนพื้นผิวหน้าอย่างกระเบื้องประเภทอื่น ๆ เหมาะสำหรับใช้ตกแต่งผนังภายใน ไม่เหมาะสำหรับปูพื้น เพราะกระเบื้องแก้วเกิดรอยขูดขีดง่าย
ได้รู้ถึงคุณสมบัติ และความแตกต่างในการใช้งานของกระเบื้องแต่ละชนิดแล้ว เมื่อจะเลือกซื้อกระเบื้องแต่ละครั้ง อย่าลืมคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ด้วย
- ควรเลือกกระเบื้องผิวด้าน สำหรับบริเวณที่เปียกน้ำอยู่ตลอดเวลา เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว ลานซักล้าง ระเบียบ บริเวณทางเดินนอกบ้าน เพื่อป้องกันการลื่น
- ควรเลือกกระเบื้องผิวมัน สำหรับห้องรับแขก และห้องนอน เพื่อให้ง่ายกับการทำความสะอาด
- ควรเลือกกระเบื้องสีอ่อน ในบริเวณที่แคบ ๆ เพื่อให้ความรู้สึกสว่าง และกว้างขึ้น ทำให้รู้สึกไม่อึดอัด
- ควรใช้เลือกกระเบื้องให้ถูกประเภท เพื่อป้องกันความเสียหาย และป้องกันอันตรายของคนในบ้าน
>> ช้อปกระเบื้อง ได้ที่หน้าร้าน และหน้าเว็บ คลิก
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ