ตื่นตัว แต่อย่าแตกตื่น!! วิธีป้องกันไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019
การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 (2019-nCoV) ที่ก่อโรคปอดอักเสบจากประเทศจีนครั้งแรก กลางธันวาคม 2019 เป็นต้นมา โดยช่วงแรกคาดว่าเป็นการติดเชื้อจากสัตว์สู่คน จนภายหลังก็พบว่าสามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คนได้ ระยะฟัดตัวของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 นี้ ใช้เวลาเป็น 2 เท่าของเชื้อโคโรน่าทั่วไป คือ 14 วัน กลุ่มคนที่เสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ คนที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันสูง เบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น ถ้าติดเชื้อโรคโคโรน่าเข้า จะทำให้เป็นหนัก เนื่องจากร่างกายไม่แข็งแรงอยู่แล้ว หรือไม่มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง จะเป็นหนักขึ้นได้ และอาจถึงขั้นปอดบวม ระบบหายใจล้มเหลว และสุดท้ายเสียชีวิตได้
ก่อนหน้านี้โลกของเราเคยมีการแพร่ระบาดจากโรคทางเดินหายใจร้ายแรงที่เกิดจากไวรัสโคโรน่าแล้วถึง 2 ครั้ง คือ
- ครั้งแรก โรคซ่าร์ (SARS-CoV) ช่วงปี 2002-2003 เป็นไวรัสโคโรน่าข้ามสปีชีส์จากค้างคาวผ่านชะมด (civet cat) มาติดเชื้อในคน โดยเริ่มระบาดจากประเทศจีนและกระจายไปทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อกว่า 8,000 คน อัตราการตาย 10%
- ครั้งที่ 2 โรคเมอร์ส (MERS-CoV) ในช่วงปี 2010-2014 เป็นไวรัสโคโรน่าที่ข้ามข้ามสปีชีส์จากค้างคาวผ่านอูฐมาติดเชื้อในคน เริ่มจากผู้ป่วยในประเทศซาอุดิอาราเบีย มีผู้ติดเชื้อรวมแล้ว 2,494 คน อัตราการตาย 34%
ซึ่งมาครั้งนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 26 มกราคม 2020 มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 2,000 คน อัตราการตาย 2% แต่อย่าเพิ่มตื่นตระหนกหรือแตกตื่นกันนะคะ ว่าถ้าติดเชื้อนี้แล้วจะตาย เพราะคนที่ติดเชื้อนี้แล้วหายดีก็มีนะคะ อย่างในไทย มีคนที่ติดเชื้อไวรัสนี้ และหายดีไม่เหลือเชื้ออะไร 5 คนแล้ว เพราะร่างกายสามารถกำจัดเชื้อเองได้ ถ้าเราพยายามทำตัวเองให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ แต่กลุ่มที่เสี่ยงมาก คือกลุ่มผู้สูงอายุ ที่มีโรคประจำตัว
ช่วยกันสังเกตคนที่คุณรักในบ้านคุณ รวมถึงผู้คนรอบข้างนะคะว่าใครมีความเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโคโรน่า อาการคือ มีไข้ ไอ จาม เจ็บคอ มีน้ำมูก มีเสมหะ แน่นหน้าอก หายใจเหนื่อยหอบ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมเล่าประวัติโดยละเอียด เพื่อตรวจหาสาเหตุและความเสี่ยงค่ะ แต่ถ้าใครยังไม่เป็น มาป้องกันไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ได้ง่าย ๆ เลย
1. กินร้อน รับประทานอาหารที่ปรุงสุก สะอาด และปลอดภัย กินอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน
2. ช้อนกลาง เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคจากคนสู่คน เช่น ทางน้ำลาย
3. ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่ และให้น้ำไหลผ่านอย่างน้อย 20 วินาที หรือแนะนำให้พกเจลหรือแอลกอฮอล์ล้างมือไว้ เผื่ออยู่ในสถานที่สาธารณะที่ไม่มีน้ำและสบู่ให่ล้างมือก็ได้
4. ใส่หน้ากากอนามัย แนะนำให้ใส่หน้ากากอนามัย ชนิด N95 ที่มีประสิทธิภาพในการกรองอนุภาคได้ถึง 0.3 ไมครอน และมีประสิทธิภาพในการกรอง 95% ซึ่งเสมหะหรือน้ำลายที่เป็นพาหะในการติดต่อกันของเชื้อไวรัสนี้ มีขนาด 1-5 ไมครอน หน้ากาก N95 จึงสามารถใส่ป้องกันได้ทั้งเชื้อไวรัสแลฝุ่น PM 2.5 ได้เลยค่ะ หรือถ้าหากหาไม่ได้ ก็สามารถใช้หน้ากากแบบผ้าก็ได้ แต่ต้องซักบ่อย ๆ นะคะ แนะนำให้มีหลาย ๆ ชิ้น จะได้เวียนกันใช้ได้ค่ะ
5. อย่าให้ลำคอแห้ง เพราะเชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายได้ถ้าลำคอแห้ง ผู้ใหญ่ให้ดื่มน้ำอุ่น 50-80 ซีซี เด็กให้ดื่มน้ำอุ่น 30-50 ซีซี
>> ช้อปหน้ากากป้องกันเชื้อไวรัส และป้องกันฝุ่น ได้ที่หน้าร้าน และหน้าเว็บ คลิก
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ