ปั่นน้ำผลไม้ดื่มคลายร้อนกัน วิธีเลือกเครื่องปั่นและแจกสูตรน้ำปั่น

อากาศร้อนแบบนี้ต้องดื่มอะไรสดชื่นให้คลายร้อนกันหน่อย น้ำผลไม้ปั่นก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มคลายร้อนที่ง่ายและสามารถทำเองที่บ้านได้ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการทำเมนูนี้ก็คือ เครื่องปั่นน้ำผลไม้ สำหรับใครกำลังสนใจซื้อเครื่องปั่นน้ำผลไม้มาติดไว้ที่บ้านสักเครื่องหนึ่ง BnB home จะมาบอกวิธีเลือกเครื่องปั่นน้ำผลไม้ให้มีประสิทธิภาพในการใช้งานให้ดีที่สุดกัน

ประเภทของเครื่องปั่นน้ำผลไม้

1. เครื่องปั่นแบบมาตรฐาน

เป็นเครื่องปั่นที่เหล่าแม่บ้านใช้กันมาอย่างยาวนาน ลักษณะตัวเครื่องมักจะมี 2 ส่วนใหญ่ก็คือส่วนของเครื่องและส่วนของโถปั่น ซึ่งข้อดีของเครื่องปั่นแบบนี้คือสามารถใช้ปั่นได้ครั้งละเยอะ ๆ และมีกำลังวัตต์ให้เลือกหลากหลาย

เครื่องปั่น ELECTROLUX รุ่น E3TB1-210K ขนาด 1.5 ลิตร สีดำ

2. เครื่องปั่นแบบพกพา

เครื่องปั่นประเภทนี้จะคล้ายกับเครื่องแบบมาตรฐาน แต่จะปั่นได้จำนวนไม่เยอะ เพราะเครื่องปั่นแบบพกพานี้ ถูกออกแบบมาเพื่อให้เมื่อปั่นน้ำเสร็จ ก็สามารถถอดแยกส่วนโถออกมาปิดฝาและพกพาไปดื่มได้ทุกที่

เครื่องปั่นแบบพกพา ELECTROLUX รุ่น E3CB1-200S กำลัง 300 วัตต์ สีสเตนเลส

3. เครื่องปั่นแบบมือจับ

คือเครื่องปั่นหรือบดที่เรานำไปปั่นในภาชนะของเราได้เลยโดยไม่ต้องใส่โถ ซึ่งทำให้สะดวกต่อการพกพา และสามารถปั่นในภาชนะที่เล็กหรือใหญ่ขึ้นได้ หากต้องการปริมาณที่เยอะ ๆ ก็สามารถนำผลไม้ไปใส่ในโถที่ใหญ่ขึ้นได้อีกด้วย

เครื่องปั่นแบบมือจับ ELECTROLUX รุ่น E3HB1-880K สีดำ

วิธีเลือกเครื่องปั่นให้ใช้งานได้มีประสิทธิภาพที่สุด

1. กำลังวัตต์ การเลือกซื้อเครื่องปั่นน้ำผลไม้ต้องดูที่กำลังไฟก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งกำลังไฟสำหรับเครื่องปั่นน้ำผลไม้ไม่ควรต่ำกว่า 200 วัตต์ หากใช้งานในบ้านอาจจะเริ่มจาก 300 วัตต์ขึ้นไปก่อน กำลังวัตต์เท่านี้เหมาะสำหรับการใช้ปั่นน้ำผลไม้ทานเองที่บ้าน แต่หากอยากได้ประสิทธิภาพมากขึ้น แนะนำให้เป็น 600 วัตต์ หรือหากนำไปประกอบอาชีพก็อาจจะได้ถึง 1000 วัตต์ได้ เพราะถ้าเราใช้กำลังปั่นน้อย แต่ถูกใช้งานหนักมากเกินไป มอเตอร์อาจจะไหม้หรือเสื่อมสมรรถภาพลงได้เร็ว

อีกเคล็ดลับในการเลือกซื้อเครื่องปั่นน้ำผลไม้ก็คือ ให้เลือกที่จำนวนรอบปั่น RPM 20,000 รอบขึ้นไป ก็จะได้ผลลัพท์ของน้ำปั่นหรือสมูทตี้ที่เนื้อเนียนละเอียดมากขึ้น

2. วัสดุอุปกรณ์ ตัวโถของเครื่องปั่นน้ำผลไม้มีทั้งแบบพลาสติกและแก้ว ซึ่งหากเลือกแบบพลาสติกควรเป็นพลาสติกเกรดดีจำพวก Polycarbonate ที่มีความทนทานสูง ไม่แตกง่าย ส่วนตัวฐานของเครื่องปั่นส่วนมากจะทำจากพลาสติกและสเตนเลส ในส่วนของใบมีดควรเป็นสเตนเลส ที่มีความแข็งแรง คม และไม่เป็นสนิม

3. ฟังก์ชั่นและการทำงานของเครื่อง สำหรับฟังก์ชั่นของเครื่องปั่นก็ควรเลือกเครื่องปั่นที่มีฟังก์ชั่นครบตามที่เราต้องการ ซึ่งฟังก์ชั่นทั่วไปส่วนใหญ่ก็จะมีตามด้านล่างนี้

1. มีระบบ Low – High สามารถปรับความเร็วและความแรงของเครื่องปั่นได้

2. Ice Breaker สำหรับปั่นน้ำแข็ง ทำเป็นสมูตตี้ได้

3. Stir สำหรับกวน หรือคน

4. Puree สำหรับบดละเอียด

5. Crumb สำหรับบดหยาบ ๆ พวกแครกเกอร์ ทำขนม เป็นต้น

6. Blend สำหรับปั่น

อย่างที่รู้กันดีว่าเครื่องบดและเครื่องปั่นมีหลายประเภท รวมถึงมีการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนั้นเราต้องดูความต้องการของเราว่าจะใช้เครื่องปั่นกับเครื่องดื่มหรืออาหารประเภทใดบ้าง ซึ่งหากต้องการนำมาทำน้ำผลไม้ปั่น ก็ควรแยกเครื่องปั่นออกจากการใช้งานอาหารคาวโดยเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากลิ่นที่อาหารติดและทำให้เครื่องดื่มของเราเสียอรรถรสได้