
รู้จักกระจกนิรภัย เลือกให้เหมาะสมเพื่อบ้านปลอดภัย
การออกแบบบ้านด้วยกระจกนอกจากได้ความโปร่ง โล่ง และสว่างแล้ว ยังทำให้บ้านดูโมเดิร์นและมีลูกเล่นขึ้นด้วย ในปัจจุบันกระจกที่ใช้นั้นมีหลายรูปแบบ แต่ที่ได้รับความสนใจมากขึ้นจากเจ้าของบ้าน ก็คือ กระจกนิรภัย เพราะถึงแม้จะมีราคาที่สูงกว่ากระจกทั่วไป แต่ถ้าแลกกับความปลอดภัยของคนในบ้านก็ดูจะคุ้มค่า ในบทความนี้ BnB home อยากชวนคุณมาทำความรู้จักกับกระจกนิรภัย 3 ประเภทที่นิยมใช้ในบ้านกัน ลองดูกันว่าทั้ง 3 ประเภทมีคุณสมบัติอย่างไร และแบบไหนที่เหมาะกับความต้องการของเราครับ

กระจกนิรภัย 3 ประเภทที่นิยมใช้ในบ้าน
1. กระจกเทมเปอร์ (Tempered Glass)
หรือที่เรียกว่ากระจกอบ เพราะเป็นการนำกระจกธรรมดาไปผ่านกระบวนการอบที่ความร้อนสูงประมาณ 650 - 700 องศาเซลเซียส จากนั้นนำมาเป่าด้วยลมแรงดันสูงให้เย็นตัวลงทันที ผิวด้านนอกของกระจกจะแข็งตัวเร็วกว่าภายใน ทำให้เกิดความแตกต่างของการเรียงตัวของโมเลกุลกระจก ทำให้กระจกแข็งแรงกว่ากระจกธรรมดาถึง 3 - 5 เท่า และเมื่อกระจกเกิดการแตก ก็จะแตกออกเป็นเมล็ดข้าวโพด ซึ่งจะไม่แหลมคม ปลอดภัยมากกว่ากระจกธรรมดา โดยขนาดความหนาของกระจกนิรภัยเทมเปอร์ ที่นิยมผลิตในท้องตลาด คือ 4, 5, 6, 8, 10, 12, 15, 19 มิลลิเมตร


จุดเด่น
• มีความแข็งแรง สามารถรับแรงกระแทก แรงกดบีบได้ดีกว่ากระจกทั่วไป 3 - 5 เท่า
• ทนความร้อนได้สูงถึง 290 องศาเซลเซียส
• ทนการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างฉับพลันได้ถึง 150 องศาเซลเซียส
• เมื่อเกิดการแตก จะแตกเป็นชิ้นเล็กคล้ายเมล็ดข้าวโพด จะไม่แหลมเป็นปากฉลามซึ่งมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน
เหมาะกับการใช้งาน
• ใช้เป็นประตูบานเปลือย, ฉากกั้นอาบน้ำ, ผนังกระจกกั้น, ประตูบานเปลือย
• ใช้กั้นห้องโชว์, ตู้โชว์สินค้า
• ใช้ในงานเฟอร์นิเจอร์อย่าง ชั้นวางของ, ชั้นโชว์สินค้า
• ใช้ทำกระจกหน้าต่าง, ผนังกระจก หรือ ผนังกระจกในบริเวณที่เจอความร้อนสูง
• ใช้ทำผนังกระจกอาคารขนาดใหญ่ที่ต้องรับแรงปะทะของลม
ข้อควรระวัง
• ไม่สามารถตัดหรือเจาะภายหลังที่ผลิตได้ เพราะจะแตกทันที ดังนั้นจึงต้องกำหนดการเจาะกระจกให้สอดคล้องกับอุปกรณ์ยึดจับต่าง ๆ ตั้งแต่ก่อนสั่งผลิต
• ไม่ควรใช้เป็นหลังคากระจก เพราะหากกระจกแตกจะร่วงลงมาเป็นอันตรายต่อคนข้างล่างได้
• ไม่ควรใช้เป็นพื้นหรือเป็นบันได เพราะอาจทำให้ผู้ใช้ล่วงหล่นมาได้หากกระจกแตก
• ห้ามใช้แทนกระจกกันไฟ เพราะกระจกเทมเปอร์ไม่สามารถกันไฟได้
2. กระจกลามิเนต (Laminated Glass)
เป็นกระจกนิรภัย ผลิตโดยนำกระจกสองแผ่นมาประกบติดกันด้วยแผ่นฟิล์มและความร้อน กระจกจะออกมาดูใสเสมือนเป็นกระจกแผ่นเดียว ซึ่งสามารถใช้กระจกธรรมดาประกบกัน หรือใช้กระจกเทมเปอร์ประกบกัน เพื่อให้แข็งแรงมากขึ้น ซึ่งราคาก็จะสูงกว่ากระจกธรรมดา 6 - 7 เท่า
กระจกลามิเนตถือว่าเป็นกระจกที่มีความปลอดภัยสูง เพราะเมื่อแตกนั้นเศษกระจกจะยังเกาะติดอยู่กับฟิล์มเหมือนกับใยแมงมุมไม่ร่วงลงมาเป็นอันตราย แต่ลักษณะการแตกจะขึ้นอยู่กับชนิดกระจกที่นำมาประกบกัน


จุดเด่น
• หากเกิดการแตก เศษกระจกจะยึดติดกับฟิล์มไม่ร่วงหล่นลงมา ช่วยลดอันตรายได้มากขึ้น
• เก็บเสียงได้ดีกว่ากระจกธรรมดา
• ป้องกันความร้อนได้ดี และกันรังสียูวีได้
• ทนต่อแรงดันลมในที่สูง ทนต่อแรงอัดกระแทก
• ช่วยป้องการบุกรุกจากการโจรกรรมได้
เหมาะกับการใช้งาน
• ใช้ตกแต่งภายในได้ทั้ง ฝ้า พื้น ผนังห้อง และบานประตู
• ใช้เป็นกระจกด้านนอกของอาคาร โดยเฉพาะกระจกที่ต้องการป้องกันการบุกรุก หรือต้องการลดเสียงรบกวน เช่น หน้าต่างช่องเปิดแบบต่าง ๆ
• ใช้เป็นกระจกอาคารสูง, หลังคาสกายไลต์, กันสาด, ระเบียงราวกันตก
ข้อควรระวัง
• กระจกนิรภัยลามิเนตจะรับแรงได้น้อยกว่ากระจกธรรมดา เมื่อเทียบความหนาในขนาดเดียวกัน
• ฟิล์ม PVB มีคุณสมบัติดูดความชื้น จึงทำให้ถ้าใช้กระจกนี้บริเวณที่มีความชื้นสูง อาจเกิดการแยกตัวออกจากกันได้
• เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ตั้งแต่ 1 หรือ 2 ปีขึ้นไปจะพบว่ากระจกปรากฏรอยลูกคลื่นตามแนวรอยบากระหว่างแผ่นกระจก
3. กระจกเสริมลวด (Wire-Reinforced Glass)
คือกระจกธรรมดาที่เสริมตะแกรงลวดในเนื้อกระจก ช่วยเสริมความแข็งแรงและยึดกระจกไม่ให้หลุดร่วงเมื่อแตกหัก แต่ก็ยังคงมีความแหลมคมอยู่ กระจกเสริมลวดถูกดีไซน์มาให้มีลูกเล่นแนวเส้นลวดเป็นแผงตาข่ายฝังในตัวกระจก และทนต่อความร้อนสูงกรณีกระจกโดนความร้อนสูงขนาดเกิดเพลิงไหม้ นิยมใช้กับสถานที่ที่ต้องการความปลอดภัยทั้งจากการโจรกรรมและเพลิงไหม้


จุดเด่น
• เมื่อแตกจะไม่หลุดร่วงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เพราะมีลวดยึดเกาะ
• สามารถป้องกันการโจรกรรมได้ เพราะมีเส้นลวดที่ฝังอยู่ในเนื้อกระจก
• มีดีไซน์ดิบเท่ สไตล์อินดัสเทรียล
เหมาะกับการใช้งาน
• ใช้บริเวณทางเดินหนีไฟ, บริเวณทางเข้าออกอาคาร
• ใช้กรุประตูหน้าต่างเพื่อป้องกันการลุกลามของควันและเปลวไฟ ช่วยถ่วงเวลาการถูกงัด
ข้อควรระวัง
• ส่วนของขอบและผิวเส้นลวดด้านที่โดนตัดต้องได้รับการเตรียมป้องกันการเกิดสนิม
• กระจกเสริมลวดอาจจะยากต่อการตัดแต่ง
• การแผ่ความร้อนของอุปกรณ์ เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น เตาหุงต้ม อาจทำให้กระจกเสริมลวดแตกได้
• เสี่ยงต่อการเกิดสนิม จึงไม่ควรติดตั้งในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดสนิม เช่น ใกล้กับสระว่ายน้ำ
ขอบคุณภาพจาก : pinterest.com
>> ช้อปสินค้าเพื่อบ้าน ได้ที่หน้าร้าน และหน้าเว็บ คลิก
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ