กระเบื้องยาง ปรับลุค เปลี่ยนอารมณ์บ้าน เลือกอย่างไร

หากใครอยากจะเปลี่ยนมู้ดบ้านให้ดูอบอุ่นโคซี่มากขึ้น ก็สามารถทำได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ การเปลี่ยนของตกแต่งบ้าน หรือแม้แต่การเปลี่ยนพื้นห้อง ไม่ว่าจะเป็นวัสดุปูพื้น หรือโทนสีและลวดลายของพื้นห้อง ซึ่งการเลือกใช้กระเบื้องยาง เป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง หากเจ้าของบ้านท่านใดอยากจะเปลี่ยนวัสดุปูพื้นห้อง เพราะติดตั้งง่ายและรวดเร็ว ทำให้กลายเป็นวัสดุยอดนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะนอกจากการติดตั้งแล้ว ยังมีลวดลายที่สวยงามเป็นธรรมชาติอีกด้วย บทความนี้ BnB home จะพาทุกคนไปทำความรู้จัก กระเบื้องยาง วัสดุยอดฮิตที่เจ้าของบ้านหลายท่านให้ความสนใจ

กระเบื้องยาง ผลิตจากยางสังเคราะห์นำมาอัดรูป ปิดผิวด้วยลามิเนตที่มีลวดลายเสมือนไม้จริงและเคลือบ ขนาดความหนาของกระเบื้องยางที่เป็นที่นิยมมีอยู่ 3 ขนาดด้วยกันก็คือ 2, 4, 5 มิลลิเมตร ซึ่งความแตกต่างอยู่ที่เรื่องการติดตั้ง คือ กระเบื้องขนาด 2 มิลลิเมตรจะติดตั้งแบบทากาว (Dry Back) และกระเบื้องยางแบบ 4, 5 มิลลิเมตร จะติดตั้งโดยมีชั้นกาวในตัว (Peel and Stick) และเป็นแบบคลิกล็อค (Click - lock)

กระเบื้องยางโดยทั่วไปจะมีลักษณะเป็นชั้น ๆ ขึ้นอยู่กับแบรนด์ที่ผลิต อาจจะมี 4 - 6 ชั้น แต่โดยทั่วไปจะมีชั้นหลัก ๆ ดังนี้

• ชั้นบนสุด (Wear Layer) สำหรับชั้นบนสุด มักจะเคลือบด้วยลามิเนตที่มีลวดลาย และ PU (Polyurethane) เพื่อป้องกันน้ำและรอยขีดข่วน ปกป้องสีซีดจางจากแสงแดด ทำให้กระเบื้องยางมีสีสดใหม่เสมอ ผู้ผลิตบางรายอาจเคลือบด้วย PVC ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับกระเบื้องยาง

• ชั้นกลาง (Middle Layer) วัสดุในชั้นนี้ส่วนใหญ่จะเป็นไวนิลและโฟม ซึ่งจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับผู้ผลิต ชั้นไวนิลเป็นชั้นที่กำหนดความหนาของกระเบื้องยาง มีคุณสมบัติป้องกันแรงกระแทก อีกทั้งถ้าเป็นกระเบื้องยางที่ใช้โฟมด้วยจะมีความอ่อนตัว ยืดหยุ่นเพิ่มเข้ามาอีกด้วย

• ชั้นล่างสุด (Bottom Layer) ชั้นล่างสุดเป็นวัสดุที่ช่วยเสริมความแข็งแรง เช่น ไฟเบอร์กลาส อีกทั้งยังช่วยลดการยืดหด และ เพิ่มการยึดสัมผัส กับพื้นผิวที่ติดตั้ง

วิธีการติดตั้งกระเบื้องยางลายไม้

ชนิดของกระเบื้องยาง แบ่งด้วยวิธีการติดตั้งมี 3 แบบดังนี้

1. ติดตั้งกระเบื้องยางแบบทากาว (Dry Back)

เป็นกระเบื้องยางที่ติดตั้งโดยใช้กาวทาบริเวณพื้นก่อนปูกระเบื้องยาง ทำให้มีความแข็งแรงและรองรับน้ำหนักได้ดี เหมาะสำหรับพื้นที่ที่สมาชิกในบ้านใช้งานบ่อย เช่น ห้องนั่งเล่นและห้องครัว

2. ติดตั้งกระเบื้องยางแบบที่มีกาวในตัว (Peel and Stick)

เป็นกระเบื้องยางที่มีชั้นกาวคล้ายกับสติกเกอร์ ติดตั้งโดยใช้กาวเหมือนกับแบบแรก แต่แตกต่างกันที่แบบนี้จะติดตั้งได้เร็วกว่า เพราะไม่ต้องรอกาวเซ็ตตัว

3. ติดตั้งกระเบื้องยางแบบคลิกล็อค (Click – lock)

เป็นการติดตั้งที่ใช้ขอบลิ้นกระเบื้องเกี่ยวล็อคกันระหว่างแผ่น ทำให้พื้นออกมาเรียบ และนิยมใช้ปูทับบนพื้นราบ ซึ่งอาจมีตัวช่วยเสริมเรื่องความนุ่ม คือการใช้แผ่นโฟมรองก่อนได้ กระเบื้องที่มีการติดตั้งแบบนี้สามารถติดตั้งได้ด้วยตัวเอง และส่วนใหญ่จะมีความหนาของแผ่นกระเบื้องอยู่ที่ 4 - 5 มิลลิเมตร

ข้อดีของกระเบื้องยาง

• มีลวดลายและสีให้เลือกหลากหลายแบบ โดยเฉพาะกระเบื้องยางลายไม้ ที่มีให้เลือกหลากหลายลาย สามารถเลือกให้ตรงสไตล์และความชอบของเจ้าของบ้าน เข้ากันได้ทุกการตกแต่ง

• ราคาที่จับต้องได้ ไม่แพงจนเกินไป โดยกระเบื้องยางจะมีราคาถูกกว่ากระเบื้องทั่วไป หากคิดจะเปลี่ยนมู้ดบ้านหรือทำพื้นใหม่ กระเบื้องยางจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับหลาย ๆ คน

• ปลอดภัย พื้นผิวยึดเกาะได้ดีและไม่ลื่น นอกจากจะไม่ต้องกลัวว่าจะลื่นแล้ว ยังเป็นพื้นผิวที่มีความนุ่มเดินแล้วไม่เกิดเสียงอีกด้วย

• ไม่ต้องห่วงเรื่องปลวก มอด แมลง เพราะวัสดุที่นำมาทำกระเบื้องยางไม่เป็นอาหารของปลวก

• ทำความสะอาดได้ง่าย แต่ไม่ควรทิ้งคราบไว้นานจนเกินไป ถ้าเป็นได้ ถ้ามีคราบ ควรทำความสะอาดเลยจะดีมาก

• ติดตั้งโดยปูทับกระเบื้องเดิมได้เลย ไม่ต้องรื้อออก แต่ก่อนติดตั้งต้องทำความสะอาดกระเบื้องพื้นเดิมก่อน

• ใช้เวลาในการติดตั้งเร็วกว่าการปูกระเบื้องชนิดอื่น เนื่องจากเวลาปูกระเบื้องยางจะใช้เวลาน้อยกว่ากระเบื้องทั่วไป ไม่เกิดฝุ่นและไม่มีเสียงรบกวน อีกทั้งหากใครไม่อยากจ้างช่างก็สามารถติดตั้งเองได้

• ทนต่อรอยขีดข่วน กระเบื้องชนิดนี้จะตอบโจทย์บ้านที่มีเด็กและสัตว์เลี้ยง เพราะทนต่อรอยขีดข่วนด้วยการเคลือบหลายชั้นอย่างที่กล่าวมาข้างต้น

• อายุการใช้งานที่ค่อนข้างยาวนาน โดยจะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยที่ 10 - 15 ปี ขึ้นอยู่กับความหนาของชั้นเคลือบ